เทคนิคการปลูกผักปลอดสารพิษ
ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น
จึงนิยมบริโภคผักปลอดสารพิษ ดังนั้นทางสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา
จึงแนะนำให้เกษตรกรปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อสนองความต้องการของตลาด
โดยใช้วิธีป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ดังนี้
1.
ควรปรับสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน ด้วยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น
ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยพืชสด ในอัตรา1-2 ตัน/ไร่
2.
การปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างในดิน โดยการใส่ปูนขาว ปูนมาร์ล
หรือแร่โดโลไมท์ อัตรา 200-300
กิโลกรัม/ไร่
3.
เมล็ดพันธุ์ อาจมีเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียติดมา
จึงควรแช่เมล็ดพันธุ์ผักในน้ำที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาทีก่อนปลูก
วิธีการเช่นนี้นอกจากจะเป็นการกำจัดเชื้อโรคแล้ว
ยังเป็นการกระตุ้นให้เมล็ดพันธุ์งอกอย่างสม่ำเสมอ และหากพบการระบาดของโรคราน้ำค้างหรือโรคใบจุด
ให้คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมี เมทาแลคซิน 35% และ
ไอโปรไดโอล อัตรา 10 กรัม/เมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม
4.
ก่อนปลูก หรือหลังปลูก ควรเพิ่มธาตุอาหารในดิน เช่น แคลเซียม
แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโบรอน เป็นต้น
5.
การกำจัดศัตรูพืช ซึ่งทำได้หลายวิธีคือ ใช้กาวเหนียวสีเหลือง
ทาแผ่นพลาสติกหรือถุงพลาสติกที่มีสีเหลือง แล้วนำไปวางอยู่เหนือระดับยอดผักประมาณ 1 ฟุต ระยะห่าง 4x4
เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ใช้กับดักประมาณ 60-80
อัน การใช้กับดักแสงไฟ โดยใช้หลอดไฟสีม่วงหรือสีน้ำเงิน
แขวนหลอดไฟห่างจากพื้นดินประมาณ 1.5 เมตร
แล้ววางภาชนะใส่น้ำรองรับด้านล่าง พื้นที่ 1 ไร่ให้ใช้กับดักแสงไฟ
2 จุด การใช้พลาสติกสีเทา-เงินคลุมแปลง
จะช่วยลดการระบาดของแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และไร ได้ การใช้สารสกัด
จากพืช เช่น สารสกัดสะเดาหรือจากสมุนไพร ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามหากวิธีการดังกล่าวยังไม่ได้ผลให้ใช้สารเคมี
แต่ควรใช้อย่างถูกต้องตามชนิดและอัตรา
รวมทั้งทิ้งระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อให้สารเคมีสลายตัวด้วย
ประโยชน์ :
1.
ช่วยลดปัญหาสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม